https://so18.tci-thaijo.org/index.php/JGSM_SPUKK/issue/feed Journal of Graduate School of Management Studies of Sripatum University Khon Kaen Campus: JGSM-SPUKK 2025-05-18T17:08:29+07:00 รองศาสตราจารย์ ดร.สุธรรม ธรรมทัศนานนท์ jgsm.spukk@gmail.com Open Journal Systems https://so18.tci-thaijo.org/index.php/JGSM_SPUKK/article/view/1172 ภาคผนวก 2025-05-18T17:08:29+07:00 JGSM SPUKK jgsm.spukk@gmail.com <p>-</p> 2025-05-18T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 Journal of Graduate School of Management Studies of Sripatum University Khon Kaen Campus: JGSM-SPUKK https://so18.tci-thaijo.org/index.php/JGSM_SPUKK/article/view/1168 ฉบับเต็ม 2025-05-18T16:21:16+07:00 JGSM SPUKK jgsm.spukk@gmail.com <p>-</p> 2025-05-18T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 Journal of Graduate School of Management Studies of Sripatum University Khon Kaen Campus: JGSM-SPUKK https://so18.tci-thaijo.org/index.php/JGSM_SPUKK/article/view/1169 ส่วนหน้า 2025-05-18T16:40:59+07:00 JGSM SPUKK jgsm.spukk@gmail.com <p>-</p> 2025-05-18T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 Journal of Graduate School of Management Studies of Sripatum University Khon Kaen Campus: JGSM-SPUKK https://so18.tci-thaijo.org/index.php/JGSM_SPUKK/article/view/1170 บทบรรณาธิการ 2025-05-18T17:00:00+07:00 JGSM SPUKK jgsm.spukk@gmail.com <p>-</p> 2025-05-18T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 Journal of Graduate School of Management Studies of Sripatum University Khon Kaen Campus: JGSM-SPUKK https://so18.tci-thaijo.org/index.php/JGSM_SPUKK/article/view/1171 สารบัญ 2025-05-18T17:03:30+07:00 JGSM SPUKK jgsm.spukk@gmail.com <p>-</p> 2025-05-18T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 Journal of Graduate School of Management Studies of Sripatum University Khon Kaen Campus: JGSM-SPUKK https://so18.tci-thaijo.org/index.php/JGSM_SPUKK/article/view/708 การจัดการเรียนการสอนภาษาจีนโดยใช้วิธีสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง (TPR) 2024-10-03T16:32:57+07:00 นารีรัตน์ หงษ์สามสิบเก้า Nareerat.hon@uru.ac.th <p> การสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง (Total Physical Response: TPR) เป็นการสอนที่ให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการฟังและการพูดออกเสียง มุ่งเน้นให้นักเรียนได้มีประสบการณ์ที่สนุกสนานในการเรียนภาษาจีนซึ่งเป็นภาษาที่สอง ผู้เรียนจะได้เริ่มเรียนรู้คำศัพท์ผ่านประโยคคำสั่งต่าง ๆ ทำให้เกิดการสร้างบรรยากาศที่ดีในการเรียนรู้ ซึ่งเป็นการสอนภาษาที่ไม่ได้มุ่งสอนหลักไวยากรณ์ แต่เป็นการสอนคำศัพท์เพื่อนำไปต่อยอดในการสนทนา เป็นวิธีการเดียวกันกับการเรียนรู้ภาษาแรกเช่นเดียวกับที่พ่อแม่สอนลูก และมุ่งพัฒนาทักษะการฟัง เพื่อความเข้าใจ เพราะการพัฒนาทักษะการฟังอย่างเข้าใจนำไปสู่การพัฒนาทักษะการพูดของผู้เรียน เริ่มจากผู้สอนออกคำสั่งให้ผู้เรียนปฏิบัติตามด้วยการแสดงท่าทาง และผู้เรียนพูดออกคำสั่งประโยคที่เรียนไปแล้วให้เพื่อนปฏิบัติตามวิธีสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง ดำเนินการได้หลายประเภท ได้แก่ การใช้ร่างกาย สิ่งของ รูปภาพ เล่าเรื่อง วาดรูป และสถานที่ ตามความเหมาะสม ด้วยวิธีการสอนที่ใช้คำสั่งต่าง ๆ ให้ผู้เรียนต้องปฏิบัติตาม ซึ่งประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ขั้นสาธิต (Demonstration) 2) ขั้นลังเล (Hesitation) 3) ขั้นทดสอบ (Test) 4) ขั้นออกคำสั่งใหม่ ๆ แปลก ๆ (Novelty) 5) ขั้นสลับบทบาท (Role-Reversal) เพื่อพัฒนาทักษะการฟังและการพูดภาษาจีน อันจะส่งผลต่อความสามารถในการสื่อสารภาษาจีนขั้นสูง และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p> 2025-05-18T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 Journal of Graduate School of Management Studies of Sripatum University Khon Kaen Campus: JGSM-SPUKK https://so18.tci-thaijo.org/index.php/JGSM_SPUKK/article/view/720 การเรียนรู้ในยุค AI: ทักษะใหม่ที่จำเป็น 2024-10-20T13:26:57+07:00 ประสาท เนืองเฉลิม prasart.n@msu.ac.th วิทยา วรพันธุ์ wittaya.wo@msu.ac.th <p> ยุคดิจิทัลนับเป็นก้าวกระโดดของการเรียนรู้ไปสู่การเปลี่ยนผ่านจากห้องเรียนสู่สภาพแวดล้อมของการเรียนรู้ที่หลากหลายและตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล การเรียนรู้จึงไม่ใช่แค่การทำความเข้าใจในทฤษฎี และแนวคิดของเนื้อหาวิชาเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ ได้นำพาให้ผู้เรียน และผู้สอนต้องปรับตัวเข้าสู่การนำเครื่องมือและวิธีการใหม่ ๆ มาต่อเติมและปรับใช้ให้เหมาะสม ซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ว่าปัญญาประดิษฐ์กำลังเข้ามามีบทบาทในทุกด้านของชีวิต ผู้เรียนจึงต้องพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องทั้งความเข้าใจ การนำไปประยุกต์ใช้เพื่อส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ และเสริมสร้างทักษะใหม่ ๆ ที่จำเป็นในการทำงานร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ บทความนี้มุ่งเน้นนำเสนอแนวคิดการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการปรับเปลี่ยนกระบวนการเรียนรู้ ความท้าทายและโอกาสที่เกิดขึ้น รวมทั้งการปรับตัวและพัฒนาทักษะใหม่ที่จำเป็นอย่างเหมาะสม</p> 2025-05-18T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 Journal of Graduate School of Management Studies of Sripatum University Khon Kaen Campus: JGSM-SPUKK https://so18.tci-thaijo.org/index.php/JGSM_SPUKK/article/view/728 การพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบ SUPPORT Supervisory Model เพื่อส่งเสริมสมรรถนะ การจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษามหาสารคาม 2024-10-28T21:14:18+07:00 กรนันท์ วรรณทวี Wannatawee.2549@gmail.com <p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบ SUPPORT Supervisory Model เพื่อส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษามหาสารคาม ประเมินผลรูปแบบโดยใช้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้รูปแบบ จำนวน 21 คน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการนิเทศ SUPPORT Supervisory Model ประกอบด้วย 7 ขั้นตอน ได้แก่ 1) S: Study การศึกษาสภาพปัจจุบันปัญหา สภาพความต้องการจำเป็น ในการรับการนิเทศในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 2) U: Understand สร้างความรู้ความเข้าใจในหลักการ เป้าหมาย กระบวนการ วิธีการ เทคนิควิธีในการพัฒนา 3) P: Plan การวางแผนและการเตรียมเครื่องมือในการพัฒนาการนิเทศ 4) P: Prototype ประชุมก่อนการสังเกตการสอน ในการจัดทำการกำหนดกระบวนการนิเทศ (ทำความเข้าใจผู้ร่วมนิเทศ) 5) O: Operate &amp; Observe ปฏิบัติตามแผนและสังเกตติดตามผล สังเกตชั้นเรียน โดยใช้กระบวนการ POP Coach 6) R: Reflex &amp; Reinforcement ร่วม สะท้อนผล ประเมินผล และสร้างกำลังใจ 7) T: Transference การถ่ายโอนความรู้ (BP, Innovation) ผลการประเมินประสิทธิผลที่มีต่อรูปแบบการนิเทศ อยู่ในระดับมากที่สุด ทั้ง 4 ด้าน</p> <p> </p> 2025-05-18T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 Journal of Graduate School of Management Studies of Sripatum University Khon Kaen Campus: JGSM-SPUKK https://so18.tci-thaijo.org/index.php/JGSM_SPUKK/article/view/735 ปัจจัยการบริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพิจิตร 2024-10-20T16:01:21+07:00 รักกิจ ช้างจั่น rukkit_ch@live.kpru.ac.th จารุนันท์ ขวัญแน่น jarunan.3011@gmail.com <p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยการบริหารสถานศึกษา 2) ศึกษาประสิทธิผลการบริหารสถานศึกษา 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยการบริหารที่น่าจะส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลการบริหารสถานศึกษา 4) สร้างสมการพยากรณ์ประสิทธิผลการบริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพิจิตร กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูผู้สอน และผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 300 คน กำหนดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางเครจซี่ และมอร์แกน สุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า จำนวน 84 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.98 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ</p> <p> ผลการวิจัย พบว่า 1) ระดับปัจจัยทางการบริหาร โดยรวมอยู่ในระดับมาก 2) ระดับประสิทธิผลการบริหารสถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมาก 3) ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทางการบริหารกับประสิทธิผล การบริหารของสถานศึกษา โดยรวมมีความสัมพันธ์กันระดับสูง 4) การถดถอยพหุคูณแบบหลายขั้นตอนมีตัวแปร ด้านการพัฒนาบุคลากร ด้านโครงสร้างองค์กร ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และด้านงบประมาณที่มีอำนาจในพยากรณ์โดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ .01 โดยรวมร้อยละ 74 สามารถเขียนเป็นสมการพยากรณ์ ในรูปคะแนนมาตรฐาน = .270z<sub>1</sub> + .196z<sub>5</sub> +.163z<sub>6 </sub>+ .339z<sub>7</sub></p> 2025-05-18T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 Journal of Graduate School of Management Studies of Sripatum University Khon Kaen Campus: JGSM-SPUKK https://so18.tci-thaijo.org/index.php/JGSM_SPUKK/article/view/664 แนวปฏิบัติที่ดีในการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษา ที่ส่งผลต่อการพัฒนากระบวนการคิดเชิงออกแบบของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ 2024-09-25T11:29:21+07:00 อัญชลี จันทร์มา unchalee.j@ku.th เอกภูมิ จันทรขันตี feduepj@ku.ac.th <p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาที่ส่งผลต่อการพัฒนากระบวนการคิดเชิงออกแบบของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพของวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เป็นนักเรียนชายทั้งหมด 24 คน ดำเนินงานในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 เก็บรวมรวมข้อมูลจากบันทึกหลังการสอน และตั๋วการเรียนรู้ท้ายคาบ (Exit Ticket) ทำการวิเคราะห์ข้อมูล เชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลแบบอุปนัย</p> <p><strong> </strong>ผลการวิจัยพบว่า แนวปฏิบัติที่ดีในการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาที่ส่งผลต่อการพัฒนากระบวนการคิดเชิงออกแบบของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ มีดังนี้ 1) การใช้สื่อที่เป็นคลิปวิดีโอร่วมกับ การใช้รูปภาพตัวอย่างเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับชิ้นงานที่จะต้องปฏิบัติ 2) การถามคำถามกระตุ้นความคิดเพื่อนำไปสู่การวางแผนกระบวนการทำงานที่เหมาะสมกับสถานการณ์ 3) การเขียนผังงาน (Flowchart) แสดงขั้นตอนหรือกระบวนการทำงาน หรือแผนภาพแสดงรายละเอียดของแนวคิดในการแก้ปัญหา เพื่อส่งเสริมกระบวนการวางแผนก่อนการลงมือปฏิบัติ 4) การให้นักเรียนออกแบบชิ้นงาน เป็นภาพ 2 มิติ ภาพ 3 มิติ ภาพฉาย แผนภาพ หรือผังงาน เพื่อนำไปสู่การลงมือสร้างชิ้นงานอย่างเป็นรูปธรรม 5) การให้นักเรียนลงมือสร้างชิ้นงานจริง หรือสร้างโมเดลชิ้นงานต้นแบบด้วยการปั้นดินน้ำมัน เพื่อสร้างต้นแบบในการแก้ปัญหา 6) การให้นักเรียนทำการทดสอบประสิทธิภาพชิ้นงานที่สร้างเสร็จแล้ว และร่วมกันประเมินความเหมาะสมของชิ้นงานตามประเด็นที่กำหนด และ 7) การให้นักเรียนปรับแก้ชิ้นงานและนำไปทดสอบประสิทธิภาพกับกลุ่มเป้าหมายอีกครั้งเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งาน</p> <p> </p> 2025-05-18T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 Journal of Graduate School of Management Studies of Sripatum University Khon Kaen Campus: JGSM-SPUKK