ศึกษารูปแบบการพัฒนาการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ระดับอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัยสงฆ์ในทศวรรษที่ ๒๑

Main Article Content

วีระกาญจน์ กนกกมเลศ
พระมหาสมชาย กิตฺติปญฺโญ
ณรงค์ชัย ปิ่นทรายมูล
ชาย หน่อแสง
ลลิตา พิมพ์รัตน์

บทคัดย่อ

การศึกษาวิจัยเรื่อง ศึกษารูปแบบการพัฒนาการเรียนรู้ภาษาอังกฤษระดับอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัยสงฆ์ในทศวรรษที่ ๒๑ เป็นการวิจัยกึ่งทดลองและเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการพัฒนาการเรียนรู้ภาษาอังฤษภาษาอังกฤษระดับอุดมศึกษามหาวิทยาลัยสงฆ์


              ระเบียบวิธีวิจัย กลุ่มตัวอย่างได้แก่นิสิต นักศึกษาชั้นปีที่ ๓-๔ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหามุกฎราชวิทยาลัย  จำนวน ๑๐๐ ตัวอย่าง และกลุ่มตัวอย่าง ให้ข้อมูลจำนวน ๑๐ ตัวอย่าง  เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์เชิงลึก ใช้สถิติวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย  และสรุปข้อความจาการสัมภาษณ์เชิงลึก


              ปัจจัยส่วนบุคคลของนิสิต นักศึกษา ที่ใช้กลุ่มตัวอย่าง แสดงความคิดเห็นต่อรูปแบบพัฒนาการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ จำแนกตามปัจจัยเกี่ยวกับสมณเพศทั้งก่อนและหลังการเรียนรู้ภาษาอังกฤษในระดับอุดมศึกษา พบว่า ส่วนใหญ่เป็นพระภิกษุ คิดเป็นร้อยละ ๔๖.๐๐   มีอายุระหว่าง ๒๐-๓๐ ปี   คิดเป็นร้อยละ ๗๕.๐๐ เป็นนิสิต นักศึกษาชั้นปีที่ ๔ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ  คิดเป็นร้อยละ ๗๗.๐๐ มีประสบการณ์ต่ำกว่า ๑ ปี คิดเป็นร้อยละ ๓๕.๐๐ มีประสบการณ์ระหว่าง ๑-๕ ปี คิดเป็นร้อยละ ๓๘.๐๐


              ผลการวิจัย พบว่า นิสิต นักศึกษา มีการเรียนรู้ภาษาอังกฤษตามรูปแบบที่กำหนด  โดยภาพรวม ก่อนมีการเรียนตามรูปแบบ มีความคิดเห็น อยู่ในระดับ “ปานกลาง” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๐๗  เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า รูปแบบการเรียนด้วยการใช้สายตา(VSL)  อยู่ในระดับ “ปานกลาง” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๒.๙๓ รูปแบบการเรียนด้วยการฟัง(ALS)  อยู่ในระดับ “ปานกลาง” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ  ๒.๘๐ รูปแบบการเรียนด้วยการกระทำ (TLS) อยู่ในระดับ “ปานกลาง” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๐๓ รูปแบบการเรียนด้วยการปฏิบัติตนในสถานการณ์ต่าง ๆ  (KLS)  อยู่ในระดับ “ปานกลาง” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๑๕ รูปแบบการเรียนตามลําพัง  (ILS)อยู่ในระดับ “ปานกลาง” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๒๘ รูปแบบการเรียนด้วยการเรียนเป็นกลุ่ม  (GLS)    อยู่ในระดับ “ปานกลาง” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๒๒


              หลังจากมีการเรียนรู้ตามรูปแบบการเรียนรู้ มีความคิดเห็น อยู่ในระดับ “มาก” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๓๐  เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า รูปแบบการเรียนด้วยการใช้สายตา(VSL)อยู่ในระดับ “มาก” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ  ๔.๒๕ เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า รูปแบบการเรียนด้วยการฟัง(ALS) อยู่ในระดับ “มาก” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ   ๔.๑๖ รูปแบบการเรียนด้วยการกระทำ (TLS)อยู่ในระดับ “มาก” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ๔.๒๔ รูปแบบการเรียนด้วยการปฏิบัติตนในสถานการณ์ต่าง ๆ  (KLS) อยู่ในระดับ “มาก” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๔๒ รูปแบบการเรียนตามลําพัง  (ILS)อยู่ในระดับ “มาก” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ๔.๒๖ รูปแบบการเรียนด้วยการเรียนเป็นกลุ่ม  (GLS) อยู่ในระดับ “มาก” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๔๖  


              ส่วนนิสิต นักศึกษา มีความคิดเห็นต่อรูปแบบพัฒนาการเรียนรู้ โดยภาพรวม  อยู่ในระดับ ปานกลาง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๒๓ เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านประเมินประสิทธิผลรูปแบบการเรียนรู้จากผู้เรียน  อยู่ในระดับ ปานกลาง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๒๐และด้านความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อรูปแบบการเรียนรู้ อยู่ในระดับ ปานกลาง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๒๓


                 ส่วนความคิดเห็นหลังการใช้รูปแบบพัฒนาการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ มีความคิดเห็นโดยภาพรวมอยู่ในระดับ “มาก” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๔๓ เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อรูปแบบการเรียนรู้  อยู่ในระดับ “มากที่สุด” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๕๗ และด้านประเมินประสิทธิผลรูปแบบการเรียนรู้จากผู้เรียน อยู่ในระดับ “มาก” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ  ๔.๒๙


              จากผลการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยความแตกต่างของประสิทธิผลการใช้รูปแบบพัฒนาการเรียนรู้  จำแนกตามก่อนและหลังการใช้รูปแบบ มีค่าเฉลี่ยเก่ากับ  ๓.๖๖  เมื่อใช้สถิติ  t –test  ในการวิเคราะห์ เปรียบเทียบ พบว่า มีค่าเฉลี่ยที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๐ แสดงว่า การใช้รูปแบบพัฒนาการเรียนรู้ภาษาอังกฤษมีผลต่อประสิทธิผลการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของนิสิต นักศึกษา


              จากผลการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยความแตกต่างของความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบพัฒนาการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ  จำแนกตามก่อนและหลังการใช้รูปแบบมีค่าเฉลี่ยเก่ากับ  ๓.๘๘  เมื่อใช้สถิติ           t –test  ในการวิเคราะห์เปรียบเทียบ พบว่า มีค่าเฉลี่ยที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๐แสดงว่า การใช้รูปแบบพัฒนาการเรียนรู้ภาษาอังกฤษมีผลต่อความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษตามรู้แบบการเรียนรู้ของนิสิตนักศึกษา


              ผลการสัมภาษณ์เชิงลึก นิสิต นักศึกษาในมหาวิทยาลัยสงฆ์ในกลุ่มที่มีการเรียนรู้ภาษาอังกฤษตามรูปแบบที่นักวิจัยได้ทำการทดลองกลุ่มตัวอย่างได้มีการปฏิบัติตามรูปแบบ ๖ ด้าน ทำมีความรู้ มีทักษะด้านการฟังจากเจ้าของภาษา มีสามารถพัฒนาทักษาอย่างมีประสิทธิผล ด้านการฟังการอ่าน การพูดและการเขียน  ได้มีการพัฒนาสามารถจดจำคำศัพท์ใหม่ๆ ในชีวิตประจำวัน   จากการใช้รูปแบบพัฒนาการเรียนรู้ 


              นิสิตนักศึกษาส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการเรียนรู้ตามรูปแบบไม่น้อยกว่า ๑ ปี ใช้เวลาในการเรียนรู้ในชั้นเรียนและนอกชั้นเรียน วันละไม่น้อยกว่า  ๓ ชั่วโมง  และมีการใช้รูปแบบการพัฒนาการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

Article Details

ประเภทบทความ
Research Article

เอกสารอ้างอิง

เคน เคย์. การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ ๒๑. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์โอเพ่นเวิลด์ส, ๒๕๕๔.

จินดารัตน์ เบอรพันธุ์. การวิเคราะห์และออกแบบสารสนเทศ. กรุงเทพมหานคร:

โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาควิชาบรรณารักษ์ศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ

มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๔.

เสริมศรี ไชยศร. ระบบหลักสูตรการสอน. (เชียงใหม่ : สำนักพิมพ์ทรัพย์การพิมพ์),

๒๕๒๖.

สุมิตรา อังวัฒนกุล. แนวคิดและเทคนิควิธีการสอนภาษาอังกฤษ พิมพ์ครั้งที่ ๒ กรุงเทพมหานคร:

โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๓๙.

อำนาจ จันทร์แป้น.การพัฒนาหลักสูตร:ทฤษฎีสู่การปฏิบัติระดับโรงเรียน. (เชียงใหม่ :

สำนักพิมพ์ทรัพย์การพิมพ์), ๒๕๓๒.