วารสารรามคำแหง ฉบับคณะศึกษาศาสตร์ (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) https://so18.tci-thaijo.org/index.php/RUEDU <p>วารสารรามคำแหง ฉบับคณะศึกษาศาสตร์ (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) มีจุดมุ่งหมายสำคัญในการยกระดับคุณภาพของผลงานวิจัยและผลงานวิชาการด้านศึกษาศาสตร์ มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง</p> th-TH <p>ผู้ส่งบทความ (และคณะผู้วิจัยทุกคน) ตระหนักและปฎิบัติตามจริยธรรมการวิจัยอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้บทความ เนื้อหา ข้อมูล ข้อความ ภาพ ตาราง แผนภาพ แผนผัง หรือข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฎในบทความ เป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้ส่งบทความ กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นตามเสมอไป และไม่มีส่วนรับผิดชอบใดๆ โดยถือเป็นความรับผิดของของเจ้าของบทความเพียงผู้เดียว</p> journal.edu.ru@gmail.com (รองศาสตราจารย์ ดร.มานิกา วิเศษสาธร) journal.edu.ru@gmail.com (กองบรรณาธิการวารสารรามคำแหง ฉบับคณะศึกษาศาสตร์ (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) ) Mon, 10 Nov 2025 10:18:15 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การศึกษาความวิตกกังวลของนักกีฬาตะกร้อมหาวิทยาลัยรามคำแหง ในการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 48 https://so18.tci-thaijo.org/index.php/RUEDU/article/view/1707 <p>วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้เพื่อ (1) ศึกษาระดับความวิตกกังวลของนักกีฬาตะกร้อรามคำแหงก่อนการแข่งขัน กีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 48 (2) ศึกษาสาเหตุการเกิดความวิตกกังวลของนักกีฬาตะกร้อรามคำแหง ในการแข่งขันกีฬา ประชากรคือนักกีฬาตะกร้อมหาวิทยาลัยรามคำแหงที่เข้าร่วมแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่ง ประเทศไทย ครั้งที่ 48 จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ในการวิจัย คือ (1) แบบทดสอบความวิตกกังวลตามสถานการณ์ (2) แบบสัมภาษณ์เชิงโครงสร้างเรื่องความวิตกกังวลของนักกีฬาตะกร้อมหาวิทยาลัยรามคำแหง เครื่องมือวิจัยทั้งสอง ได้หาคุณภาพเครื่องมือความตรงเชิงโครงสร้าง และความตรงเชิงเนื้อหาผ่านผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน มีดัชนีความ สอดคล้อง (IOC) อยู่ระหว่าง 0.6-1.0</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า นักกีฬาตะกร้อมหาวิทยาลัยรามคำแหงมีระดับความวิตกกังวลทางจิตใจก่อนการแข่งขัน อยู่ในระดับต่ำ (μ = 15.3, σ = 4.791) เช่นเดียวกับความวิตกกังวลทางร่างกาย (μ =13.6, σ = 3.283) นอกจากนี้ ยังพบว่านักกีฬามีความเชื่อมันในตนเองต่ำ (μ = 14.6, σ = 7.161) ผลการสัมภาษณ์ความวิตกกังวลสามารถจำแนก ประเด็นได้ดังต่อไปนี้ (1) ลักษณะความวิตกกังวลพบว่า นักกีฬามีความวิตกกังวลต่ำเนื่องจากไม่คาดหวังผลการแข่งขัน และมีประสบการณ์มาก (2) สาเหตุความวิกตกกังวลได้แก่ ระยะเวลาในการฝึกซ้อม ทักษะการเล่นตะกร้อ และ บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมในการแข่งขัน (3) นักกีฬามีการจัดการความวิตกกังวลด้วยวการพูดคุยกับตนเองและสร้าง จินตภาพการแข่งขันเพื่อสร้างความเชื่อมั่นก่อนลงสนามและในระหว่างการแข่งขัน นักกีฬาจะให้ความสำคัญกับ สถานการณ์ที่จะมาถึงพร้อม ๆ กับการพูดคุยกับตนเองมากกว่าการทบทวนข้อผิดพลาดที่ผ่านมา</p> กฤชญา พุ่มพิน, วณัฐพงศ์ เบญจพงศ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so18.tci-thaijo.org/index.php/RUEDU/article/view/1707 Fri, 07 Nov 2025 00:00:00 +0700 ความสัมพันธ์ระหว่างความยึดมั่นผูกพันในการเรียนกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบผสมผสาน ของนักศึกษาคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา https://so18.tci-thaijo.org/index.php/RUEDU/article/view/1708 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความยึดมั่นผูกพันในการเรียนกับผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนรู้รายวิชาพัฒนาหลักสูตรที่จัดการเรียนรู้แบบผสมผสานของนักศึกษาคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ สวนสุนันทา กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 จำนวน 126 ที่ได้มาด้วยวิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ เก็บข้อมูล ด้วยแบบวัดความยึดมั่นผูกพันในการเรียนและแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเก็บรวบรวมข้อมูล จากนั้นนำผลที่ได้มา วิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สันและแปลความหมายความสัมพันธ์โดยใช้เกณฑ์การประเมิน 5 ระดับ<br>ผลการศึกษาพบว่า ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างความยึดมั่นผูกพันในการเรียนกับผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน ที่เรียนรู้แบบผสมผสานมีความสัมพันธ์กันในระดับต่ำอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (r = .091, p-value = .312) โดยองค์ประกอบด้านความมีพลังในการเรียนมีความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในระดับต่ำ (r = .119, p-value = .184) องค์ประกอบด้านการอุทิศให้กับการเรียนมีความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในระดับต่ำ (r = .023, p-value = .796) และองค์ประกอบด้านความยึดมั่นกับการเรียนมีความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ในระดับต่ำ (r = .073, p-value = .418) ซึ่งทั้งหมดมีความสัมพันธ์กันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p> เพียงฤทัย พุฒิคุณเกษม, สุทธิพร แท่นทอง, ธีรารัตน์ ทิพย์จรัสเมธา, สัญสิริ อินอุ่นโชติ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so18.tci-thaijo.org/index.php/RUEDU/article/view/1708 Fri, 07 Nov 2025 00:00:00 +0700 ผลการใช้บอร์ดเกมที่ส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 https://so18.tci-thaijo.org/index.php/RUEDU/article/view/1711 <p>การวิจัยครั้งนี้ เป็นวิจัยกึ่งทดลอง (quasi-experimental research) ใช้รูปแบบการทดลองแบบกลุ่มเดียว (one group pre-test and post-test design) มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อพัฒนาบอร์ดเกมผลที่ส่งเสริมทักษะการคิด วิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 (2) เพื่อศึกษาทักษะการคิดวิเคราะห์ก่อนและหลังเรียนจากการเรียนด้วย บอร์ดเกมที่พัฒนาขึ้น และ (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนต่อบอร์ดเกมดังข้างต้น กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตบางนา ปีการศึกษา 2566 จำนวน 1 ห้องเรียน รวมจำนวนทั้งสิ้น 34 คน ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (simple random sampling) ด้วยวิธีการ จับสลาก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย (1) บอร์ดเกมที่ส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ (2) แบบประเมิน คุณภาพบอร์ดเกม (3) แบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ (4) แบบประเมินความพึงพอใจ ผลการวิจัยพบว่า (1) บอร์ดเกมที่ส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ มีคุณภาพด้านสื่ออยู่ในระดับมากที่สุด (M = 4.69, SD = 0.43) และ คุณภาพด้านเนื้อหาอยู่ในระดับมากที่สุด (M = 4.81, SD = 0.31) (2) ผลการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนหลังเรียนด้วย บอร์ดเกมที่ส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์สูงกว่าคะแนนก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ (3) นักเรียนที่เรียนด้วยบอร์ดเกมที่ส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์มีความพึงพอใจ อยู่ในระดับมากที่สุด (M = 4.64, SD = 0.58)</p> เอกวัชร พรจินดา, ศยามน อินสะอาด, สุพจน์ อิงอาจ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so18.tci-thaijo.org/index.php/RUEDU/article/view/1711 Fri, 07 Nov 2025 00:00:00 +0700 วิธีวิทยาคิว : การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบในฐานข้อมูล TCI https://so18.tci-thaijo.org/index.php/RUEDU/article/view/1709 <p>วิธีวิทยาคิวได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จากนักวิจัยในต่างประเทศ แต่อาจยังไม่ได้รับการตอบรับมาก เท่าที่ควรจากนักวิจัยไทย (หรืองานวิจัยในฐานข้อมูล TCI) และนักวิจัยอาจไม่ได้ดำเนินการวิจัยด้วยวิธีวิทยาคิวหรือ ไม่ได้รายงานกระบวนการวิจัยด้วยวิธีวิทยาคิวอย่างครบถ้วน วัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้ คือ การทบทวนวรรณกรรม อย่างเป็นระบบในฐานข้อมูล TCI เพื่อสำรวจความเหมือนและความต่างระหว่างการใช้วิธีวิทยาคิวของงานวิจัย ในฐานข้อมูล TCI และการใช้วิธีวิทยาคิวของงานวิจัยในต่างประเทศ จากบทความวิจัย 9 บทความ ที่ใช้วิธีวิทยาคิว อย่างครบถ้วน (มีการจัดเรียงรายการคิวและการวิเคราะห์องค์ประกอบคิว) ผู้วิจัยพบว่า เมื่อเทียบกับงานวิจัยใน ต่างประเทศ ฐานข้อมูล TCI มีงานวิจัยที่ใช้วิธีวิทยาคิวอย่างครบถ้วนในสัดส่วนที่น้อยกว่า แต่ในบรรดางานวิจัยที่ใช้วิธี วิทยาคิวอย่างครบถ้วน ภาพรวมของการดำเนินการวิจัยและการรายงานกระบวนการวิจัยไม่ได้แตกต่างจากงานวิจัย ในต่างประเทศ ซึ่งสะท้อนแนวโน้มที่ดีของการใช้วิธีวิทยาคิวของงานวิจัยในฐานข้อมูล TCI อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัย ยังแสดงให้เห็นช่องว่างที่นักวิจัยจะสามารถพัฒนาการใช้วิธีวิทยาคิวให้ดียิ่งขึ้นได้</p> สักกพัฒน์ งามเอก, จิรภัทร รวีภัทรกุล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so18.tci-thaijo.org/index.php/RUEDU/article/view/1709 Fri, 07 Nov 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาระบบแจ้งเตือนและติดตามภาระงาน รายวิชาคอมพิวเตอร์สร้างสรรค์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอัสสัมชัญ https://so18.tci-thaijo.org/index.php/RUEDU/article/view/1710 <p>การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองแบบ one-group posttest only design มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) พัฒนา ระบบแจ้งเตือนและติดตามภาระงาน (2) ศึกษาผลการใช้ระบบแจ้งเตือนและติดตามภาระงาน และ (3) ศึกษาความคิดเห็น เกี่ยวกับระบบแจ้งเตือนและติดตามภาระงาน กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 59 คน ได้มาโดยวิธี เลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย (1) ระบบแจ้งเตือนและติดตามภาระงาน (2) แบบประเมินความ พึงพอใจในการใช้งานระบบแจ้งเตือนและติดตามภาระงาน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า (1) ผลการพัฒนาระบบแจ้งเตือนและติดตามภาระงาน มีองค์ประกอบที่สำคัญจำนวน 6 ส่วน (2) ผลการเข้าใช้งานระบบแจ้งเตือนและติดตามภาระงาน มีค่าเฉลี่ย 55.94 และ (3) ผลของความพึงพอใจเกี่ยวกับระบบ แจ้งเตือนและติดตามภาระงาน รายวิชาคอมพิวเตอร์สร้างสรรค์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอัสสัมชัญ พบว่าโดยรวม อยู่ในระดับพอใจมาก (x ̅ = 4.46, SD = 0.83)</p> อนุพันธ์ ฉลูทอง, ธนวิชญ์ แสงนรินทร์, บุญรัตน์ แผลงศร ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so18.tci-thaijo.org/index.php/RUEDU/article/view/1710 Fri, 07 Nov 2025 00:00:00 +0700 การศึกษาปัญหาการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://so18.tci-thaijo.org/index.php/RUEDU/article/view/976 <p>การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาปัญหาการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง 2) เพื่อเปรียบเทียบปัญหาของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู จำแนกตามเพศ และสาขาวิชา กลุ่มตัวอย่างคือ นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ออกฝึกสอนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 ที่สังกัด 5 หลักสูตร ได้มาจากการสุ่มแบบแบ่งชั้น จำนวน 271 คน คำนวนโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป (G*power) (ค่าความคลาดเคลื่อน ที่ระดับ 0.05, Effect size f ที่ระดับ 0.4 คำนวนได้จำนวน 125 คน) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามเกี่ยวกับปัญหาการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ผลการวิจัยพบว่า</p> <p>1)&nbsp; นักศึกษามีปัญหาการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูอยู่ในระดับมาก 2 ด้าน ได้แก่ ด้านการจัดการชั้นเรียน และด้านนักศึกษา ปัญหาการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูอยู่ในระดับปานกลาง 1 ด้าน ได้แก่ ด้านโรงเรียน และ ปัญหาการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูอยู่ในระดับน้อย 2 ด้าน ได้แก่ ด้านครูพี่เลี้ยง และด้านอาจารย์นิเทศก์</p> <p>2) การเปรียบเทียบปัญหาของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู พบว่า เพศต่างกันมีปัญหาการฝึกประสบการวิชาชีพครูทั้ง 5 ด้าน ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย มีปัญหาการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูแตกต่างจากสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไปและ สาขาวิชาศิลปศึกษา ในขณะที่สาขาอื่น ๆ มีปัญหาการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05</p> เชน ชวนชม, นันท์ปภัสร์ อ่ำบริสุทธิ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so18.tci-thaijo.org/index.php/RUEDU/article/view/976 Fri, 07 Nov 2025 00:00:00 +0700 ผลของโปรแกรมการปรึกษาออนไลน์รายบุคคลเชิงบูรณาการตามทฤษฎีเล่าเรื่องและการอบรม เชิงจิตวิทยาต่อการนิยมความสมบูรณ์แบบของพนักงานกลุ่มเจเนอเรชันวาย บริษัทเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร https://so18.tci-thaijo.org/index.php/RUEDU/article/view/1013 <p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการปรึกษาออนไลน์รายบุคคลเชิงบูรณาการตามทฤษฎีเล่าเรื่องและการอบรมเชิงจิตวิทยาต่อการนิยมความสมบูรณ์แบบของพนักงานบริษัทในกลุ่มเจเนอเรชันวาย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาเป็นพนักงานประจำบริษัท ในเขตกรุงเทพมหานคร อายุระหว่าง 27-42 ปี ที่มีคะแนนเฉลี่ยการนิยมสมบูรณ์แบบสูงกว่าเกณฑ์ จำนวน 20 คน การทดลองครั้งนี้จึงมีกลุ่มทดลองจำนวน 10 คน ซึ่งได้รับโปรแกรมการปรึกษาออนไลน์รายบุคคลเชิงบูรณาการตามทฤษฎีเล่าเรื่องและการอบรมเชิงจิตวิทยา&nbsp; กลุ่มควบคุมมีจำนวน 10 คน ไม่ได้รับโปรแกรมการปรึกษาออนไลน์รายบุคคลเชิงบูรณาการตามทฤษฎีเล่าเรื่องและการอบรมเชิงจิตวิทยา เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบวัดการนิยมความสมบูรณ์แบบและโปรแกรมการปรึกษาออนไลน์รายบุคคลเชิงบูรณาการตามทฤษฎีเล่าเรื่องและการอบรมเชิงจิตวิทยาต่อการนิยมความสมบูรณ์แบบ แบบวัดการนิยมความสมบูรณ์แบบจะวัด 3 ระยะ คือ ระยะก่อนการทดลอง ระยะทดลอง และระยะติดตาม ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มทดลองมีคะแนนค่าเฉลี่ยการนิยมความสมบูรณ์แบบในระยะหลังการทดลองและระยะติดตามผลต่ำกว่าก่อนทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีคะแนนค่าเฉลี่ยการนิยมความสมบูรณ์แบบในระยะหลังการทดลองและระยะติดตามผลต่ำกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 ดังนั้น การปรึกษาออนไลน์รายบุคคลเชิงบูรณาการตามทฤษฎีเล่าเรื่องและการอบรมเชิงจิตวิทยาต่อการนิยมความสมบูรณ์แบบของพนักงานบริษัทในกลุ่มเจเนอเรชันวาย สามารถช่วยลดลักษณะการนิยมความสมบูรณ์แบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p> สายใจ ไกรศรีสินสุข, เพ็ญนภา กุลนภาดล, วรากร ทรัพย์วิระปกรณ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so18.tci-thaijo.org/index.php/RUEDU/article/view/1013 Fri, 07 Nov 2025 00:00:00 +0700