วารสารครุศาสตร์และการพัฒนามนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ
https://so18.tci-thaijo.org/index.php/edusskru
<p>วารสารครุศาสตร์และการพัฒนามนุษย์ เป็นวารสารที่ตีพิมพ์เผยแพร่บทความวิจัยและบทความวิชาการที่ครอบคลุมสาขาวิชาทางการศึกษา ศึกษาศาสตร์ จิตวิทยา สหวิทยาการด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และงานวิจัย R2R โดยเป็นบทความวิชาการและบทความวิจัย มีกำหนดการตีพิมพ์ราย 4 เดือน (จัดพิมพ์ 3 ฉบับต่อปี)</p>
คณะครุศาสตร์และการพัฒนามนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ
th-TH
วารสารครุศาสตร์และการพัฒนามนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ
<p>บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของคณะครุศาสตร์และการพัฒนามนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ </p> <p>ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเอง</p>
-
การพัฒนาทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่อง การนำเสนอข้อมูล โดยใช้การจัดการเรียนการรู้แบบ PBL ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านผักขย่าใหญ่ อำเภอโนนคูณ จังหวัดศรีสะเกษ
https://so18.tci-thaijo.org/index.php/edusskru/article/view/978
<p class="whitespace-pre-wrap break-words">การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการพัฒนาทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่อง การนำเสนอข้อมูลโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ PBL ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านผักขย่าใหญ่ อำเภอโนนคูณ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 ได้มาจากวิธีการเลือกแบบเจาะจง จำนวน 14 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน (Project based Learning), การจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (CBL), การเรียนรู้ตามแนวการบูรณาการ เนื้อหาและภาษา (CLIL) และการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด TPACK 2) แบบฝึกหัด 3) แบบประเมินด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์</p> <p class="whitespace-pre-wrap break-words">ผลการวิจัยพบว่า ผลการจัดการเรียนรู้แบบ PBL เรื่อง การนำเสนอข้อมูล ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านผักขย่าใหญ่ อำเภอโนนคูณ จังหวัดศรีสะเกษ ผ่านเกณฑ์การประเมิน จำนวน 14 คน คิดเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ของนักเรียนทั้งหมด</p>
ธนาวุธ ทองใบ
Copyright (c) 2025 คณะครุศาสตร์และการพัฒนามนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-02-19
2025-02-19
4 2
1
5
-
การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น ร่วมกับการจัดการเรียนรู้ แบบบูรณาการ CLIL+TPACK + CBL+PBL ที่ส่งผลต่อทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
https://so18.tci-thaijo.org/index.php/edusskru/article/view/979
<p class="whitespace-pre-wrap break-words">การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่เกิดขึ้นผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลังจากการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ TPACK+CLIL+ CBL+PBL กลุ่มเป้าหมายได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านขะยูง จังหวัดศรีสะเกษ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 14 คน เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละและค่าเฉลี่ย</p> <p class="whitespace-pre-wrap break-words">ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลต่อตนเอง ครูผู้สอนได้พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ที่บูรณาการภาษาอังกฤษ เทคโนโลยี ชุมชนเป็นฐาน และโครงงานเป็นฐาน ซึ่งเป็นการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ที่ให้ผู้เรียนศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง พัฒนาความรู้ความสามารถในด้านภาษาอังกฤษที่นำมาบูรณาการให้สอดคล้องกับเนื้อหา พัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยีสำหรับการสอนที่สอดคล้องกับเนื้อหาความรู้ ทำให้ครูผู้สอนเข้าใจบริบทของชุมชน วิถีชีวิต และเศรษฐกิจของชุมชนที่นักเรียนอาศัยอยู่ โดยบูรณาการโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน และการทำโครงงาน ที่นำวัสดุจากท้องถิ่นมาศึกษา 2) ผลต่อนักเรียน นักเรียนมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์อยู่ในระดับ ดี 3) ผลต่อโรงเรียน โรงเรียนตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการเรียนรู้เชิงรุก เน้นการจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้สืบเสาะแสวงหาความรู้ด้วยตนเองซึ่งจะทำให้นักเรียนเกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 4) ผลต่อชุมชน นักเรียนเกิดความรู้สึกเห็นคุณค่าของทรัพยากรในท้องถิ่นของตนและนำวัสดุในชุมชนมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด</p>
ประดิษฐ์ อร่ามเรือง
ดนุพล สืบสำราญ
Copyright (c) 2025 คณะครุศาสตร์และการพัฒนามนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-02-19
2025-02-19
4 2
6
14
-
การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมอาจารย์นิเทศก์การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู สาขาวิชาพลศึกษาของสถาบันการพลศึกษา
https://so18.tci-thaijo.org/index.php/edusskru/article/view/980
<p class="whitespace-pre-wrap break-words">การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมอาจารย์นิเทศก์การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูสาขาวิชาพลศึกษาของสถาบันการพลศึกษา มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาความต้องการจำเป็นในการนิเทศการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูสาขาวิชาพลศึกษาของสถาบันการพลศึกษา เก็บรวบรวมข้อมูลจากอาจารย์นิเทศก์ 140 คน ซึ่งได้มาจากวิธีการสุ่มอย่างง่ายแบบกำหนดสัดส่วนและผู้เชี่ยวชาญทางพลศึกษา 5 คนที่ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง 2) สร้างหลักสูตรฝึกอบรมอาจารย์นิเทศก์การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูสาขาพลศึกษาของสถาบันการพลศึกษา โดยอิงผู้เชี่ยวชาญ 5 คนและประเมินความเหมาะสมของหลักสูตรโดยผู้เชี่ยวชาญ 5 คน (คนละกลุ่มกับผู้เชี่ยวชาญในการสร้างหลักสูตร) และนำเครื่องมือประเมินผลในหลักสูตรไปทดลองใช้กับอาจารย์นิเทศก์สาขาวิชาพลศึกษา 30 คน เพื่อตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ 3) ทดลองและประเมินผลการใช้หลักสูตรฝึกอบรมอาจารย์นิเทศการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูสาขาวิชาพลศึกษาของสถาบันการพลศึกษา ในกลุ่มทดลองนำร่องและกลุ่มทดลองจริงกลุ่มละ 20 คน รวมทั้งหมด 40 คน ที่ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง</p> <p class="whitespace-pre-wrap break-words">ผลการวิจัย พบว่า 1. ความต้องการจำเป็นในการนิเทศการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูสาขาวิชาพลศึกษาของสถาบันการพลศึกษา มี 4 ด้าน ได้แก่ด้านการจัดการเรียนรู้ทางพลศึกษา ด้านบทบาทหน้าที่และจรรยาบรรณของอาจารย์นิเทศ ด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ทางพลศึกษา และด้านการวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียน 2. ผลการประเมินความเหมาะสมของหลักสูตรฝึกอบรมอาจารย์นิเทศการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูสาขาวิชาพลศึกษาของสถาบันการพลศึกษา โดยผู้เชี่ยวชาญพบว่าผ่านเกณฑ์การประเมินที่กำหนด (X=3.84, S=0.36) และเมื่อพิจารณาในรายหน่วยการเรียนรู้พบว่าทุกหน่วยผ่านการประเมินตามเกณฑ์ (3.80 SXS 4.00, 0.00 <ss 0.45) 3. ประสิทธิภาพของหลักสูตรฝึกอบรมอาจารย์นิเทศก์การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูสาขาวิชาพลศึกษาของสถาบันการพลศึกษา มีประสิทธิภาพเชิงกระบวนการและประสิทธิภาพเชิงผลลัพธ์ (E/E3) โดยเฉลี่ยเท่ากับ 83.07/80.37 ซึ่งกลุ่มที่ 1 กลุ่มทดลองนำร่องมีค่าเท่ากับ 82.68/80.13 และกลุ่มที่ 2 กลุ่มทดลองจริงมีค่าเท่ากับ 83.50/80.62 ซึ่งผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้และพบว่าหลังการฝึกอบรมกลุ่มทดลองทั้ง 2 กลุ่มมีความรู้เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 มีเจตคติและทักษะสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และมีความพึงพอใจต่อหลักสูตรอยู่ในระดับมาก</p>
รจนา ป้องนู
Copyright (c) 2025 คณะครุศาสตร์และการพัฒนามนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-02-19
2025-02-19
4 2
15
27
-
การวิเคราะห์อิทธิพลของพระพุทธราชภัฏมุนีศรีสะเกษกับการพัฒนาจิตใจและปัญญาในมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ
https://so18.tci-thaijo.org/index.php/edusskru/article/view/981
<p class="whitespace-pre-wrap break-words">บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลของพระพุทธราชภัฏมุนีศรีสะเกษในฐานะพระพุทธรูปประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ เพื่อวิเคราะห์อิทธิพลของพระพุทธราชภัฏมุนีศรีสะเกษกับการพัฒนาจิตใจและปัญญา และเพื่อวิเคราะห์พระพุทธราชภัฏมุนีศรีสะเกษในมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษในฐานะสัญลักษณ์ทางศาสนาและวัฒนธรรม ประชากรที่ใช้ในการวิจัยคือเจ้าอาวาสวัดป่าศรัทธาธรรม ผู้นำวัด นักวิชาการศาสนา และประวัติศาสตร์พุทธศิลป์ นักศึกษาและประชาชนผู้มานมัสการพระพุทธราชภัฏมุนีศรีสะเกษ รวมผู้ให้ข้อมูลทั้งหมดจำนวน 17 รูป/คน ซึ่งเป็นผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญ (Key-Informant) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ การสัมภาษณ์แบบเจาะลึก (In-depth Interview)</p> <p class="whitespace-pre-wrap break-words">ผลการศึกษาพบว่า 1) อิทธิพลของพระพุทธราชภัฏมุนีศรีสะเกษในมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ สามารถสรุปได้ดังนี้ 1. อิทธิพลต่อครอบครัว โดยพระพุทธราชภัฏมุนีศรีสะเกษได้เข้ามามีอิทธิพลต่อพุทธศาสนิกชนเริ่มตั้งแต่แรกเกิด โดยพ่อแม่จะถวายบุตรธิดาให้เป็นลูกหลวงพ่อ เพราะมีความเชื่อว่าจะทำให้บุตรธิดาปลอดภัย ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน มีปัญญาประดุจนักปราชญ์ มีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต 2. อิทธิพลต่อสังคม โดยอาศัยมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ และพระประธานที่ประดิษฐานในศาลาพระพุทธราชภัฏมุนีศรีสะเกษได้ให้ความช่วยเหลือต่อหน่วยงานในมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ โดยอาศัยเงินบริจาคที่มาจากประชาชนที่มาปรับไหว้สักการะ ไปช่วยส่งเสริมสนับสนุนสังคมในด้านต่างๆ 3. อิทธิพลด้านวัฒนธรรมก่อให้เกิดประเพณีวัฒนธรรมที่จัดขึ้นเกี่ยวกับพระพุทธรูปและให้ศาลาที่ประดิษฐานเป็นที่จัดงาน เช่น งานไหว้ครูของสาขาวิชาต่างๆ งานสงกรานต์ งานทำบุญใส่บาตร ชมรมพุทธศาสตร์ และกิจกรรมต่างๆ ของมหาวิทยาลัย เป็นต้น ซึ่งทำให้เกิดการอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงาม 4. อิทธิพลด้านเศรษฐกิจ ทำให้การท่องเที่ยวในจังหวัดและชุมชนรอบมหาวิทยาลัยจากการจำหน่ายสินค้าได้ประกอบสัมมาชีพ มีอาชีพค้าขาย ซึ่งเป็นการส่งเสริมอาชีพให้กับชาวบ้านในชุมชนได้เป็นอย่างดี 5. อิทธิพลทางด้านจิตใจ พระพุทธราชภัฏมุนีศรีสะเกษเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนราชภัฏ มีที่พึ่งทางใจให้เกิดความรู้สึกปลอดภัย อุ่นใจ สบายใจ และเป็นสิ่งเตือนใจในการประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ดีงาม ละเว้นจากการทำชั่วทั้งปวง อีกทั้งยังเป็นการจรรโลงสถาบันพระมหากษัตริย์ในฐานะองค์อุปถัมภ์มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษด้วยจากนามพระราชทานของพระพุทธรูป 2) การวิเคราะห์อิทธิพลของพระพุทธราชภัฏมุนีศรีสะเกษในมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษกับการพัฒนาจิตใจและปัญญา พบว่าการที่พุทธศาสนิกชนได้มากราบไหว้สักการะพระพุทธรูป ซึ่งเป็นเครื่องหมายสื่อแทนพระพุทธเจ้า ได้ระลึกนึกถึงพระพุทธคุณ นำหลักธรรมคำสอนแล้วนำมาใช้ประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวันอยู่บนพื้นฐานของปัญญาหรือความมีเหตุผล โดยมุ่งหมายให้เกิดความสงบทางใจและเกิดสติปัญญาในการแก้ปัญหาชีวิต ก็ถือว่าได้พัฒนาจิตใจและปัญญา สามารถอบรมเจริญวิปัสสนา ซึ่งเป็นหนทางดับกิเลสหรือความหลุดพ้นได้ 3) การวิเคราะห์พระพุทธราชภัฏมุนีศรีสะเกษในมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษในฐานะสัญลักษณ์ทางศาสนาและวัฒนธรรม เห็นได้ว่า พระพุทธราชภัฏมุนีศรีสะเกษเป็นสัญลักษณ์สำคัญของมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ และเป็นเครื่องหมายสื่อแทนพระพุทธเจ้าที่มีคุณค่าทางจิตใจต่อพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างมาก เป็นรากฐานแห่งจารีตประเพณีและวัฒนธรรม ซึ่งเกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนไทยตั้งแต่เกิดจนถึงตาย เป็นสัญลักษณ์สำคัญในทางพระพุทธศาสนา เป็นวัตถุธรรมที่สร้างขึ้นเพื่อแทนองค์จริงของพระพุทธเจ้า และแฝงไว้ด้วยปรัชญาและคติคำสอนทางพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง นำมาสู่ความระลึกถึงพระพุทธเจ้าในฐานะเป็นบุคคลสำคัญ ผู้เป็นบรมครูแห่งปรัชญาของนักปราชญ์ชาวราชภัฏ หรือพระพุทธรูปของนักปราชญ์มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษตามนามพระราชทาน และเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตนเพื่อให้พ้นทุกข์อันเป็นแก่นคำสอนของพระพุทธศาสนา ขณะเดียวกันพุทธศิลป์ขององค์พระพุทธราชภัฏมุนีศรีสะเกษสร้างเลียนแบบพุทธศิลป์แบบสุโขทัย สามารถเป็นสื่อที่สร้างความศรัทธาให้เกิดขึ้นกับผู้ที่ได้มานมัสการได้เกิดปีติเมื่อได้เห็นความงดงาม เห็นความสงบจากองค์พระก็เกิดพลังในการทำความดีทางกาย ทางวาจา และทางใจ มีหลักพระธรรมคำสั่งสอนที่ดีงามเป็นเครื่องดำเนินชีวิตต่อไป เพื่อระงับทุกข์ได้ในปัจจุบัน</p>
ธันยพงศ์ สารรัตน์
สิริชัย ศรีชัย
ศุภธรากร แก้วเนตร
บรรชา คำศรี
สิทธิพล โพธิ์ไพร
Copyright (c) 2025 คณะครุศาสตร์และการพัฒนามนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-02-19
2025-02-19
4 2
28
50
-
ผลการจัดการเรียนรู้รายวิชาสังคมศึกษา เรื่องการพึ่งพาสิ่งแวดล้อมในชุมชนโดยใช้รูปแบบบูรณาการใช้โครงงานเป็นฐาน
https://so18.tci-thaijo.org/index.php/edusskru/article/view/982
<p class="whitespace-pre-wrap break-words">การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อศึกษาผลการจัดกิจกรรมตามแนวทางการเรียนรู้แบบบูรณาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมผู้เรียนได้เข้าใจและเกิดจิตสำนึกรักษ์บ้านเกิดของตนเอง โดยนำเรื่องการพึ่งพาสิ่งแวดล้อมในชุมชน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนจากการเรียนรู้เรื่องการพึ่งพาสิ่งแวดล้อมในชุมชน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจในการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน เรื่อง การพึ่งพาสิ่งแวดล้อมในชุมชน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนบ้านนารังกา ตำบลกุดเสลา อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ได้มาจากวิธีการเลือกแบบเจาะจง จำนวนนักเรียน 15 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน (Project based Learning) การจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (CBL) และการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ เนื้อหาและภาษา (CLIL) แบบทดสอบก่อนและหลังเรียน การทำงานเป็นกลุ่มผลงานนักเรียน และ แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์</p> <p class="whitespace-pre-wrap break-words">ผลการวิจัยพบว่า ผลการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเพื่อจัดกิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมผู้เรียนได้เข้าใจและเกิดจิตสำนึกรักษ์บ้านเกิดของตนผ่านกระบวนกิจกรรมใบงาน ใบงานที่ 1 มีค่าเฉลี่ย 4.4 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.74 ใบงานที่ 2 มีค่าเฉลี่ย 4.1 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.63 ค่าเฉลี่ยรวมทั้งสองใบงาน 8.5 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.37 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียน มีค่าเฉลี่ย 4.66 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 3.19 หลังเรียน มีค่าเฉลี่ย 8.4 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.26 จากการเรียนรู้เรื่องการพึ่งพาสิ่งแวดล้อมในชุมชน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 ซึ่งมีผลคะแนนหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3.74 และความพึงพอใจในการเรียนรู้ในรูปแบบโครงงานเป็นฐาน เรื่องการพึ่งพาสิ่งแวดล้อมในชุมชน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีผลการประเมินความพึงพอใจโดยมีค่าเฉลี่ยรวม 18.86 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 13.93 ซึ่งอยู่ในระดับความพึงพอใจดีมาก</p>
สมเกียรติ สีหาจันทา
Copyright (c) 2025 คณะครุศาสตร์และการพัฒนามนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-02-19
2025-02-19
4 2
51
59
-
การพัฒนาทักษะผู้เรียนด้วยกระบวนการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ CLIL + PBL + CBL + TPACK เรื่อง การหาพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนมหาราช 2 (ภูคำ)
https://so18.tci-thaijo.org/index.php/edusskru/article/view/983
<p class="whitespace-pre-wrap break-words">การศึกษาครั้งนี้มีจุดประสงค์ 1. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนโดยการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ CLIL + PBL + CBL + TPACK เรื่อง การหาพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 2. เพื่อศึกษากิจกรรมการเรียนการสอนคณิตศาสตร์โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ CLIL + PBL + CBL + TPACK เรื่อง การหาพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 3. เพื่อศึกษาเจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนโดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ CLIL + PBL + CBL + TPACK เรื่อง การหาพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก กลุ่มตัวอย่าง: นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนมหาราช 2 (ภูคำ) อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 10 คน เป็นการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 3 ชนิด 1.แผนการจัดการเรียนรู้ CLIL + PBL + CBL + TPACK เรื่อง การหาพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก จำนวน 3 แผนการเรียนรู้ 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นข้อสอบแบบอิงเกณฑ์ ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ 3. แบบสอบถามวัดเจตคติต่อการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 20 ข้อ</p> <p class="whitespace-pre-wrap break-words">ผลการวิจัยพบว่า 1. นักเรียนที่เรียนวิชาคณิตศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ CLIL + PBL + CBL + TPACK เรื่อง การหาพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี 4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2. กิจกรรมการเรียนการสอนคณิตศาสตร์โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ CLIL + PBL + CBL + TPACK เรื่อง การหาพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 79.15/76.67 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 75/75 ที่ตั้งไว้ 3. ผลการศึกษาเจตคติของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ CLIL + PBL + CBL + TPACK เรื่อง การหาพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก มีเจตคติอยู่ในระดับมาก</p>
อภิชัย ผาคำ
Copyright (c) 2025 คณะครุศาสตร์และการพัฒนามนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-02-19
2025-02-19
4 2
60
67
-
การมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาเพื่อสนับสนุนการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้วิถีใหม่ของโรงเรียนประถมศึกษา จังหวัดสระแก้ว
https://so18.tci-thaijo.org/index.php/edusskru/article/view/984
<p class="whitespace-pre-wrap break-words">การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1. ศึกษาการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้วิถีใหม่ของโรงเรียนประถมศึกษา จังหวัดสระแก้ว 2. ศึกษาการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาวิถีใหม่ของโรงเรียนประถมศึกษา จังหวัดสระแก้ว และ 3. ศึกษาการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาวิถีใหม่ที่ส่งผลต่อการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้วิถีใหม่ของโรงเรียนประถมศึกษา จังหวัดสระแก้ว กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 1 จำนวน 113 คน และเขต 2 จำนวน 94 คน รวมทั้งสิ้น 207 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสอบถามการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาเพื่อสนับสนุนการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้วิถีใหม่ จำนวน 1 ฉบับ</p> <p class="whitespace-pre-wrap break-words">ผลการวิจัยพบว่า 1. การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้วิถีใหม่อยู่ในระดับค่อนข้างมาก และข้อมูลมีการกระจายตัวน้อย 2. การมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาวิถีใหม่อยู่ในระดับค่อนข้างมาก และข้อมูลมีการกระจายตัวน้อย และ 3. รูปแบบการมีส่วนร่วมต่างๆ ส่งผลต่อการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้วิถีใหม่ที่ระดับนัยสำคัญ .05</p>
อุดมลักษณ์ คงคาเนรมิตร
Copyright (c) 2025 คณะครุศาสตร์และการพัฒนามนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-02-19
2025-02-19
4 2
68
81
-
นวทางการบริหารงานวิชาการในสังคมวิถีใหม่ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนโรงเรียนประถมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง
https://so18.tci-thaijo.org/index.php/edusskru/article/view/985
<p class="whitespace-pre-wrap break-words">การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาการบริหารงานวิชาการในสังคมวิถีใหม่ ของโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2. ศึกษาการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และ 3. กำหนดแนวทางการบริหารงานวิชาการในสังคมวิถีใหม่ ที่สนับสนุนการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง รวมจำนวน 334 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสอบถาม จำนวน 1 ฉบับ</p> <p class="whitespace-pre-wrap break-words">ผลการวิจัยพบว่า 1.การบริหารงานวิชาการในสังคมวิถีใหม่ในภาพรวมอยู่ในระดับค่อนข้างมาก และข้อมูลมีการกระจายตัวน้อย 2.การพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 ในภาพรวมอยู่ในระดับค่อนข้างมาก และข้อมูลมีการกระจายตัวน้อย 3. แนวทางการบริหารงานวิชาการในสังคมวิถีใหม่ ได้แก่ ภาพเส้นทางของการกำหนดจุดหมายของการสอน (X1) การออกคู่มือคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้สื่อประสมในการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ (X17) การจัดระบบการนิเทศงานวิชาการ และการเรียนการสอน (X21) การนิเทศงานวิชาการ และการเรียนการสอนด้วยความยืดหยุ่น (X30) และการจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (X36) ที่ส่งผลต่อการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ที่ระดับนัยสำคัญ .05</p>
ดวงสมพร สำราญเริญ
อุดมลักษณ์ คงคาเนรมิตร
อัศวฤทธิ์ อุทัยรัตน์
Copyright (c) 2025 คณะครุศาสตร์และการพัฒนามนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-02-19
2025-02-19
4 2
82
95