การบูรณาการหลักอิทธิบาทธรรมเพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของนิสิตระดับปริญญาตรี คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ผู้แต่ง

  • พิชญะ แสงชาญชัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
  • สุริยา รักษาเมือง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
  • อภิญญา ฉัตรช่อฟ้า มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

คำสำคัญ:

การบูรณาการ, หลักอิทธิบาทธรรม, การพัฒนาศักยภาพ

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาระดับศักยภาพของนิสิตปริญญาตรี 2. ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างหลักอิทธิบาทธรรมกับการพัฒนาศักยภาพของนิสิตปริญญาตรี และ 3. นำเสนอการบูรณาการหลักอิทธิบาทธรรมเพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของนิสิตปริญญาตรีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งการวิจัยเป็นแบบผสานวิธี การวิจัยเชิงปริมาณโดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 197 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามจำนวน 35 ข้อ ค่าความเชื่อมั่นในภาพรวมทั้งฉบับเท่ากับ 0.967 และการวิจัยเชิงคุณภาพจากการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 10 รูปหรือคน เพื่อยืนยันผลการศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติสถิติที่ใช้ คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติอนุมาน ใช้สำหรับการวิเคราะห์ความสัมพันธ์และการทดสอบสมมติฐาน โดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหพันธ์ วัดระดับความสัมพันธ์ของตัวแปร และใช้สถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน เพื่อทดสอบสมมติฐาน การวิจัยเชิงคุณภาพ วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของข้อมูล เชื่อมโยงกับกรอบแนวคิด ทฤษฎี พร้อมทั้งนำเสนอข้อมูลเป็นองค์ความรู้ที่ได้สังเคราะห์จาการวิจัยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ผลการวิจัยพบว่า 1.ระดับการพัฒนาศักยภาพของนิสิตปริญญาตรีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (สมการ=3.58) ตามลำดับค่าเฉลี่ยดังนี้ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการคิด และความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสัมพันธ์ระหว่างหลักอิทธิบาทธรรมกับการพัฒนาศักยภาพของนิสิตปริญญาตรีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยภาพรวมมีความสัมพันธ์เชิงบวกในระดับมาก (R=.922**) ตามลำดับดังนี้ ด้านวิริยะ ด้านฉันทะ ด้านจิตตะ และด้านวิมังสา 3. การบูรณาการหลักอิทธิบาทธรรมเพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของของนิสิตปริญญาตรี พบว่า 1. ด้านฉันทะ (ความพึงพอใจในงาน) 2. ด้านวิริยะ (ความขยันหมั่นเพียร) 3. ด้านจิตตะ (ความมีใจฝักใฝ่) 4. ด้านวิมังสา (การใช้ปัญญาหาเหตุผล) เมื่อนำมาบูรณาการจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของนิสิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งมีความสามารถทั้งหมด 5 ด้าน ดังนี้ 1. ด้านความสามารถในการสื่อสาร 2. ด้านความสามารถในการคิด 3. ด้านความสามารถในการแก้ไขปัญหา 4. ด้านความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. ด้านความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

เอกสารอ้างอิง

ไทย พีบีเอส. (2567). คนไทยว่างงาน พุ่ง 4.1 แสนคน สสช. เผย 59.25 % ให้เหตุผล “ลาออก”. สืบค้น 16 สิงหาคม 2567, จาก https://www.thaipbs.or.th.

พระครูสุชัยพัชรมงคล (วิษณุ ตปสมฺปนฺโน). (2563). การประยุกต์ใช้หลักอิทธิบาท 4 ในการปฏิบัติงาน. วารสารบัณฑิตศึกษาปริทรรศน์ วิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์, 8(2), 173-184.

พระมหาปรีชา เขมนนฺโท. (2562). การประยุกต์หลักอิทธิบาทธรรมเพื่อการบริหารจัดการสำนักปฏิบัติธรรม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการเชิงพุทธ). พระนครศรีอยุธยา : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

พระมหาศุภกิจ สุภกิจฺโจ (ภักดีแสน). (2557). กลยุทธ์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย กรุงเทพมหานคร (วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์). พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. (2567). 10 อาชีพเด่น อาชีพในฝันของเด็กรุ่นใหม่ และสถานภาพของเด็ก Gen Z ปี 2567. สืบค้น 5 สิงหาคม 2567, จาก https://www.utcc.ac.th/.

มะณู บุญศรีมณีชัย. (2559). รูปแบบการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุขไทย. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น, 23(3), 12-22.

วาสนา ม่วงแนม. (2560). รูปแบบการเสริมสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพของข้าราชการครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 (วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ.

วิกิพีเดีย. (2567). มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. สืบค้น 18 สิงหาคม 2567, จากhttps://th.wikipedia.org/wiki/.

สัญญา พงษ์ศรีดา. (2562). รูปแบบการพัฒนาศักยภาพการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1 ตามหลักพุทธธรรม (วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการเชิงพุทธ). พระนครศรีอยุธยา : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

สาลิกา. (2567). WEF เปิด เทรนด์การบริหารบุคลากร ปี 2567 เผย “พนักงานขาดทักษะ” คือ ปัญหาอันดับหนึ่ง” ที่ทำให้องค์กรยุคใหม่ไปต่อไม่ได้. สืบค้น 18 กรกฎาคม 2567, จาก https://www.salika.co/2024/01/27/wef-hr-trend-2567/.

สำนักงานทะเบียนและวัดผล. (2567). สถิตินิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยประจำปีการศึกษา 2567. สืบค้น 5 สิงหาคม 2567, จาก https://reg.mcu.ac.th/wp-content/uploads/2024/08/สถิตินิสิต.

สุปัญญดา สุนทรนนธ์. (2557). อิทธิพลของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง และกิจกรรมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีต่อความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงของบุคลากร. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา,7(2), 65-80.

Likert, R. (1967). The Method of Constructing and Attitude Scale. Reading in Attitude Theory and Measurement. New York: Wiley & Son.

Yamane, T. (1973). Statistic : An Introductory Analysis. (3rd ed.). New York: Harper and Row.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

01-12-2025