การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น ร่วมกับการจัดการเรียนรู้ แบบบูรณาการ CLIL+TPACK + CBL+PBL ที่ส่งผลต่อทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
คำสำคัญ:
กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์, ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์, การเรียนรู้แบบบูรณาการบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่เกิดขึ้นผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลังจากการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ TPACK+CLIL+ CBL+PBL กลุ่มเป้าหมายได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านขะยูง จังหวัดศรีสะเกษ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 14 คน เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละและค่าเฉลี่ย
ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลต่อตนเอง ครูผู้สอนได้พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ที่บูรณาการภาษาอังกฤษ เทคโนโลยี ชุมชนเป็นฐาน และโครงงานเป็นฐาน ซึ่งเป็นการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ที่ให้ผู้เรียนศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง พัฒนาความรู้ความสามารถในด้านภาษาอังกฤษที่นำมาบูรณาการให้สอดคล้องกับเนื้อหา พัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยีสำหรับการสอนที่สอดคล้องกับเนื้อหาความรู้ ทำให้ครูผู้สอนเข้าใจบริบทของชุมชน วิถีชีวิต และเศรษฐกิจของชุมชนที่นักเรียนอาศัยอยู่ โดยบูรณาการโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน และการทำโครงงาน ที่นำวัสดุจากท้องถิ่นมาศึกษา 2) ผลต่อนักเรียน นักเรียนมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์อยู่ในระดับ ดี 3) ผลต่อโรงเรียน โรงเรียนตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการเรียนรู้เชิงรุก เน้นการจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้สืบเสาะแสวงหาความรู้ด้วยตนเองซึ่งจะทำให้นักเรียนเกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 4) ผลต่อชุมชน นักเรียนเกิดความรู้สึกเห็นคุณค่าของทรัพยากรในท้องถิ่นของตนและนำวัสดุในชุมชนมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2025 คณะครุศาสตร์และการพัฒนามนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของคณะครุศาสตร์และการพัฒนามนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเอง